ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพ
มีความรับผิดชอบ กล้าแสดงผลงาน ชอบพึ่งพาอาศัยผู้อื่น รักษาระเบียบ ประเพณี
การประเมินตนเอง
มีจิตใจที่จะทำอะไรก็ทำจริง เคร่งครัดในระเบียบแบบแผน
ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพ
ชอบสมาคม ร่าเริง ชอบเที่ยว รักษาประเพณี มีความรับผิดชอบ มีอำนาจ มีอิทธิพลเหนือผู้อื่น มีลักษณะท่าทางเป็นหญิง
การประเมินตนเอง
มีความเป็นผู้นำสูง มีทักษะในการพูด ชอบสมาคม
ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพ
มีสุนทรีย์ มีศิลปะ ชอบคิดคำนึงชอบครุ่นคิดคนเดียว เก็บตัว
การประเมินตนเอง
ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพ
การประเมินตนเอง
ลักษณะโดยทั่วไป
ขาดทักษะในการสร้างสัมพันธระหว่างบุคคล หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องสังคมกับบุคคลอื่นชอบเป็นจุดสนใจของผู้อื่น ค่อนข้างก้าวร้าว มีลักษณะเป็นชาย มีค่านิยมทางเศรฐกิจและในรูปแบบที่มีระเบียบแบบแผน ยึดถือประเพณีนิยม
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพ
การประเมินตนเอง
ลักษณะโดยทั่วไป
ลักษณะเด่นของบุคลิกภาพ
กล้าคิดกล้าทำ ชอบวางแผน ชอบสมาคม มีอำนาจเหนือผู้อื่น ร่าเริง สนุกสนาน ทำตามอารมณ์ ไม่ชอบใช้กำลังความคิดอันยาวนาน
การประเมินตนเอง
มีความเป็นผู้นำ ชอบการสมาคม มีความก้าวร้าว มีความเข้าใจตนเอง
คนไหนที่กำลังเตรียมตัวเข้าสอบสัมภาษณ์ หรือได้รับการเรียกตัวจากสถานที่ สมัครงาน เพื่อทดสอบความรู้ ความสามารถ บุคลิกภาพ ทักษะไหวพริบ คงจะกำลังเตรียมตัวให้พร้อมกับการสัมภาษณ์อยู่ วันนี้เรามีเคล็ดลับการสอบสัมภาษณ์มาบอกกัน
1. เตรียมตัวให้พร้อมที่สุด รักษาสุขภาพ ระมัดระวังเรื่องการกิน การพักผ่อน หลายคนพลาดท่าเรื่องการกินมาแล้ว เช่น ท้องเสีย เป็นไข้ ในวันสัมภาษณ์ ซึ่งอาจเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียด และอื่นๆ บางคนเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้า ฉลองล่วงหน้าหามรุ่งหามค่ำ กลายเป็นไม่มีแรงไปก็เยอะนะ จะหาว่าไม่บอก ลดความวิตกกังวล ทบทวนความรู้ ปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์ เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี
2. แต่งกายอย่างไรดี อันนี้สำคัญเพราะเขาจะมองคุณด้วยความละเอียดมันหมายถึงบุคลิกภาพ และบ่งบอกว่า คุณ เป็น คนลักษณะอย่างไร ถ้าแต่งกายดีสุด สุด ด้วยเครื่องแต่งกายที่สุภาพสมฐานะ ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงสุภาพ อย่าใส่ยีนส์ดีกว่า เขาจะหาว่าไม่รู้กาละเทศะ ไม่รุ่มร่าม หรือคับเกินไป ห้ามใส่รองเท้าแตะ เด็ดขาด ควรใส่รองเท้าหนังสีสุภาพ ไม่มีลวดลาย พูดง่าย ๆ แต่งตัวให้สุภาพดูดีเท่านั้นพอ
3. ควรเตรียมอะไรไปบ้าง ก่อนเดินทางไปสัมภาษณ์ควรติดต่อสอบถาม และดูรายละเอียดให้ชัดเจน ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้างปกติจะเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ที่สำคัญ ซึ่งเขาอาจจะขอเพิ่มเติม ตัวอย่างผลงาน เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย หรืออื่น ๆ ตามลักษณะของตำแหน่งงาน และที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณมากที่สุด เอาไปแต่ที่จำเป็น อย่าพะรุงพะรัง จะทำให้เสียบุคลิกภาพเปล่า ๆ
4. ควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์เมื่อใด ก่อนอื่นคุณต้องมั่นใจว่าจะไปถึงที่สอบใช้เวลาเท่าใด โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด แล้วเดินทางเข้าไปสอบในกรุงเทพ พลาดมาเยอะเหมือนกัน ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเพราะจะทำให้เราพะวง เขาอาจจะมองว่าคุณยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ
5. ทำอย่างไรดีขณะนั่งรอสัมภาษณ์ ระหว่างนั่งรอสัมภาษณ์ จงใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ที่สุด พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับหน่วยงานที่คุณสัมภาษณ์ให้มากที่สุด เช่น เอกสาร แผ่นพับ ตัวอย่างผลงาน หรือสอบถามจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณให้มากที่สุด พยายามแสดงความเป็นมิตรที่ดีด้วยรอยยิ้ม กับผู้อื่นรวมทั้งผู้เข้าสอบด้วยกันเพื่อสร้างความประทับใจ อย่าใช้สายตาว่าเขาคือศัตรูหรือคู่แข่งซึ่งมันจะไม่เป็นผลดีสำหรับคุณเลย
6. เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์ ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน ตามมารยาท ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์ กล่าวขอบคุณครับแล้วนั่งให้หัวใจเต้น เบาลง จงมีสายตาท่าทางที่เป็นมิตร ห้ามหยิ่ง อันนี้แน่อยู่แล้วโดยธรรมชาติ
7. เมื่อได้ฟังคำถามคำแรก จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน ยกเว้นคุณไปสมัครเป็นนางเอกหนังเรื่องนางอาย พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด หรือถ่อมตนมากเกินไป จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด และถ้าไม่เข้าใจคำถาม ? อย่าเดาคำถามอย่างเด็ดขาดควรกล่าวคำขอโทษและขอทบทวนคำถามอีกครั้งให้แน่ใจ แต่อย่าไม่เข้าใจบ่อยมาก ไม่ดี ถ้าคุณเข้าใจคำถามผิด แล้วเขาทักมากรุณากล่าวคำขอโทษแล้วตอบใหม่อย่ายืนยันคำพูดเดิม หรืออย่าเถียงเด็ดขาด อาจทำให้การสัมภาษณ์ยุติลง
8. ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้ จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมา และอย่าแสดงกริยาหงุดหงิดอารมณ์เสีย เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์ แต่หากเจอคำถามที่ลำบากใจ ทำใจเย็น ๆ ไว้ พร้อมทั้งใช้ไหวพริบของคุณตอบให้ดีที่สุด อย่าพูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ และไม่มั่นใจอาจจะสร้างปัญหาได้ในภายหลัง
9. การใช้วาจาในระหว่างสัมภาษณ์ ควรใช้คำพูดที่ฉะฉาน ไม่ก้าวร้าว อย่าพูดคำพูดที่ไม่แน่ใจบ่อย ๆ หรือ ภาษาที่เป็นกระแสนิยม เช่น ใช่มั้งคะ ! แบบว่า! ว้าวดีจังเลย! จ๊าบจริงครับ! เจ๋งเลยครับ! ระวังดี ๆ นะโดยเฉพาะคนที่พูดบ่อย ๆ จนเป็นนิสัยอาจจะหลุดออกมาได้ มือขอให้อยู่เป็นสุขอย่าคุ้ยแคะแกะเกา ระวังให้ดีให้มันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ จงใช้เท่าที่จำเป็น
10. เมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง เป็นธรรมดาครับ ก็ต้องกล่าวขอบคุณที่ให้โอกาส แม้ว่าการสัมภาษณ์อาจจะไม่เป็นที่พอใจคุณเท่าใดนัก เช่น อาจตอบคำถามไม่ดี หรือมีข้อผิดพลาด พยายามข่มใจไว้ ไหว้งาม ๆ แล้วเดินออกไป อย่าลืมเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย เช่น โต๊ะ เก้าอี้
เนื่องมาจากช่วงนี้เห็น fan page ต่างๆ มีการเปิดเป็นกลุ่มงานมากมายและสุดท้ายมีการประกาศหางานกันอย่างครึกโครมตัวเราเองนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในวงจรนี้ด้วย จึงอยากแชร์เพื่อเป็นข้อมูลก่อนที่คนเราจะก้าวเดินในเส้นทางหางานต่อไปละกัน
ก่อนอื่นจะเริ่มหางานใช่ป่ะเราก็ต้องเตรียมตัวก่อน เช่น เตรียมรูป เตรียมเอกสารและอย่างสุดท้ายประวัติชีวิตเราหรือที่เรียกกันติดปากสุดๆว่าเรซูเม่ ทุกอย่างควรเตรียมพร้อมทั้งแบบเป็นตัวจริงตัวสำเนาและแบบไฟล์ PDF(ควรเป็น PDF นะใครจะได้มาแก้ของเราไม่ได้) เพื่อที่ว่าไม่ว่าตอนไหนที่มีคนลงประกาศในเนต ในหนังสือต่างๆหรือจากเพื่อนๆพี่ๆเรียกหา จะได้ส่งไปเลยทันทีก่อนทางเมลล์และวิ่งเข้าไปกรอกในบริษัทได้ทันที งอ..งานนั้นหายาก รู้ข่าวแล้วไม่รีบโดนคนอื่นปาดหน้าเค้กไป จะเซ็งจิตเปล่าๆ
ขั้นนี้แหละสำคัญสุดๆคือขั้นตอนการติดต่อครั้งแรกได้แก่การส่งเมลล์ตอนส่งเมลล์นั้นไม่ว่าคุณเคยส่งให้เพื่อนหรืออาจารย์หรือใครต่อใครแบบไหน ขอจงกลับมาใช้วิธีการเขียนเมลล์เหมือนการเขียนจดหมายในชั่วโมงเรียนภาษาไทยตอนเด็กๆได้เลย เช่น
เรียน................
เรื่อง................
แนะนำตัว บลาๆๆๆ.........อยากจะมาขอสมัครอะไร บลาๆๆๆ.......
.................................................................................................
ด้วยความเคารพ
จาก.................
เบอร์................
แล้วแนบไฟล์ทั้งแผงที่กล่าวไปตอนต้น ถ้ากลัวพลาดร่างไว้ใน word ก่อนแล้วตรวจคำผิดภาษาทางการให้ดี แล้วก้อปเอามาวางใเมลล์ก่อนจิ้มส่ง ป้องกันการผิดพลาดได้มากมายเพราะถ้าไฟล์ที่ส่งมาเปิดไม่ได้ยังพออ่านจดหมายแนะนำตัวได้และจะดูเป็นเมลล์ขอสมัครงานที่ประเสริฐมากไม่ต้องมีการตามขอเอกสารเพิ่มใดๆอีก แถมเป็นการโฆษณาตัวเองในตัวด้วยว่าไม่ว่าผม/ดิฉัน จะเพิ่งจบหรือทำงานมานานแค่ไหนในยุคใดก็มีความเป็นมืออาชีพ เตรียมพร้อมและพรีเช้นต์เก่งนะจ๊ะ....โดยยังไม่ต้องเข้าสัมภาษณ์ HR และคนอยากจ้างก็จะรู้สึกแบบนั้น โดยไม่ได้นัดหมายเลยล่ะ ยิ่งถ้าเมลล์นั้นมีการส่งต่อไปยังคนโน้นคนนี้คนรับสารจะเห็นได้ทันทีว่า เมลล์สำคัญมากอ่ะ
ต้องส่งให้สัมภาษณ์ให้ได้นะ อะไรทำนองนี้
ต่อมาคือในเมลล์ตอนเราตั้งชื่อไว้ใน Username ที่คนรับเมลล์จะมองเห็น ถ้าเคยตั้งไว้เป็นชื่อเล่น ชื่อขำๆ แต่ไม่ช่วยให้ดูดีในช่วงสมัครงานก็เปลี่ยนเหอะ....นะ เพราะเคยรับเมลล์สมัครงานฉบับนึงขึ้นชื่อว่า เออ กูเอง (xxxxxxx@hotmail.com) คือว่าก็ไม่กล้าส่งต่อให้ใครแล้วอ่ะอายแทน - -" เช็คชื่อดีๆกันก่อนนะคะจะได้ไม่หน้าแตกเวลาคนถาม
ถ้ามีอะไรอยากแชร์อีกก็จะมาเล่าให้ฟังนะ
สู้ๆ พี่น้องมนุษย์เงินเดือน สู้ๆ
โดย Moonurng Curx เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 7:12 น.
ไปกันที่อำเภอศรีราชาจังหวัดชลบุรี บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ ประเทศไทยจำกัด ผู้ผลิตรถเชฟโรเลต ได้เปิดรับสมัครงานรูปแบบใหม่ ผู้หางานสร้างโอกาสให้ตัวเองต่างสนใจเข้าสมัครกันมากมาย โดยการสมัครรูปแบบใหม่ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ผู้คัดเลือกได้มีแฟ้มเอกาสารอยู่สองกล่องอยู่บนโต๊ะรับสัมภาษณ์ กล่องหนึ่งมีตัวอักษร Y ซึ่งแปลว่า Yes ส่วนอีกกล่องมีตัวอักษาร N ซึ่งแปลว่า No หากกรรมการตกลงรับใครก็นำใบสมัครใส่กล่อง Y และจะมีเจ้าหน้าที่นำเอกสารไปดำเนินการต่อ แล้วนำเอกสารผ่านการตอบรับว่าผ่านหรือไม่ผ่านให้ผู้สมัครรู้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลารอ
ชื่ออาชีพ เจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ Quality Control Officer , Quality Control Inspector
นิยามอาชีพ
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพ นี้ทำงานเกี่ยวกับการควบคุมคุณภาพการผลิตสินค้า และบริหารของสถานประกอบการ โดยตรวจสอบทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต เพื่อให้ได้ผลผลิตตามมาตรฐานที่กำหนดโดยลูกค้า หรือทางราชการหรือตามมาตรฐานทั่วไป ทั้งนี้เพื่อให้เป็นที่ยอมรับ และน่าเชื่อถือต่อลูกค้าทั้งในประเทศ และนานาชาติ และเพื่อลดต้นทุนการผลิต ในขณะที่ประสิทธิภาพ การผลิตเพิ่มขึ้น
ลักษณะของงานที่ทำ
ผู้ปฏิบัติงานในอาชีพ นี้มีหน้าที่ตรวจสอบ (Detection) และดูแลกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนเพื่อไม่ให้การผลิตผลิตภัณฑ์ หรือการให้บริการเกิดความผิดพลาด และไม่ได้ผลิตภัณฑ์หรือบริการตามที่ลูกค้าต้องการหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเสียหายมากเกินความจำเป็น บันทึกการตรวจสอบ และผลการผลิตรายงานส่งผู้บริหาร (Quality Management Representative: QMR) โดยเน้นการทำงาน ไปที่การตรวจสอบ ค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งแตกต่างจาก กระบวนการประกันคุณภาพ (Quality Assurance) ที่เน้นระบบการจัดการป้องกัน (Prevention ) ขั้นตอนการควบคุมคุณภาพมี ดังนี้
- ปฏิบัติงานตามคู่มือระบบคุณภาพ และมีขั้นตอนการทำงานตามโครงสร้างของระบบอย่างเคร่งครัด
- ตรวจทบทวนความต้องการของลูกค้า และจดบันทึกตั้งแต่เริ่มติดต่อก่อนที่จะมีคำสั่งซื้อและความเข้าใจของบุคลากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในองค์กร
- ตรวจสอบขั้นตอนของการควบคุมการบันทึกคุณภาพให้ครบถ้วน ชัดเจน มีวิธีการ จัดเก็บ และทำดัชนีการจัดเก็บ(ที่เข้าถึง)การรักษา และการทำลาย
- ตรวจสอบการควบคุมเอกสาร และข้อมูลทั้งจากภายใน และภายนอกองค์กรทั้งหมดให้อยู่ในระบบคุณภาพทุกหน่วยงาน มีบัญชีแสดงสถานะของเอกสาร นำเอกสารที่ไม่ใช้แล้วออกนอกพื้นที่ใช้งาน คงไว้ซึ่งเอกสารปัจจุบันที่จำเป็นต้องใช้ในการปฏิบัติงาน
- ตรวจสอบการแสดงชี้บ่ง และการสอบกลับได้ของผลิตภัณฑ์ เพื่อค้นหาแหล่ง ข้อบกพร่อง และติดตามการผลิต
- ตรวจสอบการควบคุมกระบวนการผลิต การติดตั้งอุปกรณ์เครื่องมือ และการบริการต้องอยู่ภายใต้ภาวะควบคุม นับตั้งแต่การรับวัตถุดิบมาทำการผลิต และระหว่างทำการผลิตจนถึงสิ้นสุดกระบวนการผลิต ในการปรับปรุงขั้นตอนการผลิตต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจหน้าที่
- ตรวจ ทดสอบ และจดบันทึกตั้งแต่การตรวจรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตแล้ว จนกระทั่งส่งมอบอย่างละเอียด และเรียกกลับทันที่ที่มีข้อบกพร่องก่อนถึงมือลูกค้า ต้องบันทึกผลการตรวจสอบว่าผ่านหรือไม่ผ่าน
- ตรวจสอบเครื่องตรวจ เครื่องวัด และเครื่องทดสอบให้ใช้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำ เชื่อถือได้ ตลอดจนขั้นตอนการบำรุงรักษา กำหนดผลการสอบเทียบ
- ต้องรู้สถานการณ์การตรวจ และการทดสอบของผลิตภัณฑ์ทุกขั้นตอน พิจารณา ผลทดสอบเป็นอย่างไร ผ่านหรือไม่ผ่าน โดยทำเครื่องหมายติดป้ายแยกเก็บต่างหากจากกัน
- ตรวจสอบการควบคุมผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำ ผลิตภัณฑ์ที่มีข้อบกพร่องไปใช้งานโดยไม่ตั้งใจ ดำเนินการจัดการทำลาย ลดเกรด นำกลับไปทำใหม่แล้วตรวจซ้ำ
- ตรวจสอบบันทึก และปฏิบัติการแก้ไข และป้องกันข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นได้ ทำการวิเคราะห์หาสาเหตุ เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำที่เกิดจากกระบวนการผลิต หรือการบริการ จากผลการประเมินข้อร้องเรียนจากลูกค้าข้อคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ผลการทบทวนของฝ่ายจัดการ เป็นต้น
- ควบคุมบันทึกการเคลื่อนย้าย การเก็บ การบรรจุ การเก็บรักษา และการส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบ
- ตรวจติดตามคุณภาพภายในองค์กร
- จัดการฝึกอบรมให้ผู้เกี่ยวข้องทราบถึงขั้นตอน และกระบวนการทำงานระบบคุณภาพ
- บันทึกกลวิธีทางสถิติในการรวบรวมวิเคราะห์หาแนวโน้มของข้อบกพร่องต่างๆ และทำการป้องกันข้อบกพร่องที่อาจเกิดขึ้นได้
สภาพการจ้างงาน
สำหรับผู้เริ่มต้นงานที่ยังไม่มีประสบการณ์ ซึ่งมีวุฒิการศึกษาขั้นต่ำประโยควิชาชีพชั้นสูง
(ปวส.)หรือปริญญาตรี จะได้รับค่าตอบแทนการทำงานประมาณเดือนละ 15,000 บาท โดยมีเงื่อนไข คือ ต้องมียานพาหนะของตนเอง และสามารถเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดได้
ส่วนผู้มีประสบการณ์ 1-2 ปี พร้อมมีความรู้ระบบคุณภาพมาตรฐานของ ISO 9000 ระบบใดระบบหนึ่งจะได้รับเงินเดือนประมาณเดือนละ 20,000 บาท
ผู้ปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ Quality Control Officer Quality Control Inspectorจะต้องทำงานตลอดเวลาที่ทำการผลิต ซึ่งอาจต้องทำงานวันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด หรืออาจต้องทำงานตามกะด้วย เพื่อตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ผลิต ทุกขั้นตอนเวลาทำงานโดยปกติ 7 ถึง 8 หรือ 9 ชั่วโมงต่อวัน แต่อาจต้องทำงานล่วงเวลา
สภาพการทำงาน
สถานที่ผู้ปฏิบัติงานนี้ ขึ้นอยู่กับธุรกิจอุตสาหกรรมและประเภทงานที่จัดทำระบบ คุณภาพ ถ้าเป็นกลุ่มธุรกิจ เช่น ภัตตาคาร โรงแรม การท่องเที่ยวสนามบิน โรงพยาบาล และคลีนิค กลุ่มสาธารณูปโภคต่างๆ ถ้าเป็นประเภทงาน ได้แก่ งานซ่อมบำรุงเครื่องจักร การจัดจำหน่าย การสำรวจ การออกแบบวิจัยทาง วิทยาศาสตร์ การฝึกอบรม ที่ปรึกษาบุคลากร และบริการในสำนักงาน เป็นต้น
อย่างไรก็ดีการทำงาน ในหน้าที่ผู้ทำงานจะต้องทำงานในสำนักงานในโรงงาน และปฏิบัติในพื้นที่หรือท้องที่นอกสำนักงาน เพื่อดำเนินการตรวจระบบคุณภาพ แม้กระทั่งไปตรวจดูสินค้า ณ.ที่ขาย
ถ้าในสถานที่มีความเสี่ยงในการปลอดภัยอาจต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลตลอดเวลา
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
ผู้ปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ Quality Control Officer Quality Control Inspector ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
- มีวุฒิการศึกษาระดับประโยควิชาชีพชั้นสูง ปริญญาตรี ห รือปริญญาโทสาขาที่เกี่ยวข้องกับงานการผลิตหรือบริการของสถานประกอบกิจการ
- มีสุขภาพแข็งแรง มีความอดทน สามารถเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด หรือต่างประเทศได้
- มีความรู้ความสามารถในการใช้คอมพิวเตอร์ได้ดี
- เป็นคนละเอียดรอบคอบ ช่างสังเกต มีไหวพริบ มีความรับผิดชอบสูง และมีระเบียบวินัยเคร่งครัด
- มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีการถ่ายทอดสื่อสารที่ชัดเจน
- มีลักษณะเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดี
- เป็นผู้สนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับปรุงความรู้ที่มีอยู่เสมอเพื่อให้สามารถก้าวทัน ความเปลี่ยนแปลงของระบบการผลิตสินค้า และบริการ
ต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และฝึกอบรมเกี่ยวกับกำหนดมาตรฐาน ISO 9000 series 5 ระบบหลักคือ
- ISO 9000 เป็นแนวทางในการเลือกและกรอบการเลือกและการใช้ มาตรฐานระบบคุณภาพต่างๆ ให้เหมาะสม
- ISO 9001 มาตรฐานระบบคุณภาพซึ่งกำกับดูแลทั้งการออกแบบ และพัฒนาการผลิต การติดตั้ง และบริการ
- ISO 9002 ระบบคุณภาพซึ่งกำกับดูแลเฉพาะการผลิต การติดตั้ง และการบริการ
- ISO9003 ระบบคุณภาพซึ่งกำกับดูแลเรื่องการตรวจ และการทดสอบขั้นสุดท้าย
- ISO9004 ระบบแนวทางการบริหารงานเพื่อคุณภาพเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
โอกาสในการมีงานทำ
ปัจจุบัน กระแสการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีขั้นสูง และการเปิดการค้าเสรีมีผลกระทบต่อทุกประเภทธุรกิจ อุตสาหกรรม สถานประกอบการทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการประกอบการธุรกิจไม่ใช่แค่เพียงความอยู่รอดเท่านั้น
แต่ต้องสามารถแข่งขันการบริการ และการผลิตผลิตภัณฑ์ได้ทั้งในระดับประเทศ และนานาชาติ การลดต้นทุนสินค้า รักษาคุณภาพของสินค้า และการบริการที่ได้มาตรฐาน คือ ปัจจัยสำคัญในการแข่งขันทางการค้าที่เข้มงวด ดังนั้น องค์กรต่างๆ จึงต้องใช้ระบบพัฒนาคุณภาพที่ได้มาตรฐานระดับเดียวกันทั่วโลกคือ "อนุกรมมาตรฐาน มอก. ISO-9000" โดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) ที่ได้ร่วมมือกับองค์กรมาตรฐานระหว่างประเทศ (International Organization for Standardization :ISO)
ดังนั้น องค์กรธุรกิจ และสถานประกอบกิจการทุกองค์กร จึงต้องมีการปรับองค์กรเพื่อขอนำระบบ คุณภาพดังกล่าวมาใช้ เพื่อสร้างความมั่นใจในสินค้า และบริการ ประหยัดเวลา
และไม่ต้องตรวจสอบคุณภาพซ้ำได้รับการคุ้มครองคุณภาพ และได้รับการรับรองโดย สมอ. ทุกองค์กรจึงมีความจำเป็นต้องจ้างเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ และควบคุมขั้นตอนการทำงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ดังกล่าว ทำให้ตลาดแรงงานทางด้านนี้เปิดโอกาสให้ผู้มีการศึกษาหลากหลายสาขาวิชาได้ มีงานทำเป็นอาชีพค่อนข้างมั่นคงสำหรับผู้ขยัน และมีความสามารถ
ในกรณีที่สถานประกอบกิจการมีขนาดใหญ่อาจต้องการเจ้าหน้าที่ ควบคุมคุณภาพหลายระดับ และมากกว่า 1 คน และคุณสมบัติในการประกอบอาชีพนั้นรับผู้จบการศึกษาหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องตามประเภทของธุรกิจอุตสาหกรรมนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้สำเร็จการศึกษาประโยควิชาชีพ หรือประโยควิชาชีพชั้นสูงสาขาเทคนิคอุตสาหกรรม หรือปริญญาตรี จนถึงปริญญาโททางฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ สถิติ เช่น บริษัทที่ผลิตยา และอาหาร อาจต้องการผู้สำเร็จการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์เคมี บริหารการผลิต และเทคโนโลยีทางอาหาร ถ้าเป็นบริษัทอุตสาหกรรมพลาสติคก็จะรับผู้สำเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรม หรือวิศวอุตสาหการ เป็นต้น
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
ผู้ปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพ Quality Control Officer Quality Control Inspector อาจได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และขั้นเงินเดือนตามสายงาน เมื่อปฏิบัติงานได้ 2-3 ปีอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ควบคุมคุณภาพ ( QC. Supervisor)ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายควบคุมคุณภาพ (QC. Assistant Manager) ผู้จัดการควบคุมคุณภาพ (QC. Manager) หัวหน้าฝ่ายควบคุมคุณภาพ ( Head of QC. Department ) และเป็นผู้บริหารระบบคุณภาพ ( QMR.) ตามลำดับ
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิต ผู้จัดการหรือผู้อำนวยการของธุรกิจการบริการฝ่ายคลังสินค้า และฝ่ายส่งสินค้าหัวหน้างานประกันคุณภาพ (Chief of Quality Assurance) ผู้ประสานงานฝ่ายควบคุมคุณภาพ (Co-ordinator , Quality Control )
ชื่ออาชีพ ตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ Product representative
นิยามอาชีพ
เดินทางไปตามเขตพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อขายผลิตภัณฑ์สินค้าของผู้ประกอบการ ทั้งในและนอกประเทศให้แก่สถานประกอบการค้าส่งและค้าปลีก โดยได้รับค่านายหน้าเป็นการตอบแทน : ปฏิบัติหน้าที่การงานที่สำคัญเช่นเดียวกันกับพนักงานเดินตลาด แต่โดยปกติทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกัน อาจจัดแสดงสินค้าตัวอย่างในห้องแสดงสินค้าและขายสินค้าที่ห้องแสดงสินค้า อาจมีชื่อเรียกตามสินค้าที่ขาย
ลักษณะของงานที่ทำ
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษณาส่งเสริมการขายและการประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการโดยใช้บุคคล ซึ่งเป็นงานที่จำเป็นและสำคัญมากอย่างหนึ่งขององค์กร อาจมีชื่อเรียกว่าผู้แทนขาย นักขาย ฯลฯ เป็นส่วนหนึ่งของการตลาด (4 P's ของการตลาด คือ Product Planning , Pricing , Place/Physical Distribution , Promotion and Advertising)
โดยทำหน้าที่ ดังนี้
- ติดต่อลูกค้าในตลาด เพื่อทำการขายการเจรจาสื่อสารระหว่าง ผู้ขาย และผู้ซื้อหรือกลุ่มผู้ที่คาดหวังว่าจะเป็นลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้ซื้อรู้จักสินค้ากระตุ้นความสนใจและสร้างความ พอใจในตัวสินค้า
- เจรจาเรื่องเงื่อนไขการซื้อขายและให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า รวมทั้งแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นก่อนการขายและหลังการขาย
หาลูกค้าใหม่ๆ พนักงานขายบางประเภทอาจจะต้องขายสินค้าที่ไม่มีตัวตนให้กับลูกค้า อย่างเช่น การขายบริการความคุ้มครองการประกันชีวิต ประกันภัย ด้านที่ปรึกษา บริการด้านการโฆษณา ซึ่งต้องใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์ในการขายสินค้า
จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ส่วนลดการค้า การแสดงนิทรรศการ การค้า การโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นในการขาย
อาจให้บริการหลังการขายแก่ลูกค้า เช่นการตรวจสอบผลิตภัณฑ์หลังการซื้อสินค้า หรือเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดให้แก่ลูกค้า เป็นต้น
พนักงานขายอาจทำงาน ณ สถานที่ขายสินค้าซึ่งกำหนดไว้ เช่น ศูนย์การค้า ท่าอากาศยานตามบ้านเรือนส่วนบุคคล หรือตามสถานที่ราชการ และสถานประกอบกิจการต่างๆ เป็นต้น
สภาพการจ้างงาน
ผู้ประกอบอาชีพนี้ตระหนักดีว่าเป็นอาชีพที่ให้รายได้ดีสำหรับผู้มีความสามารถและขยันโดยอาจได้รับเงินเดือนค่อนข้างน้อย คือ ประมาณ 15,000 – 30,000 บาท รวมค่ายานพาหนะ ค่าโทรศัพท์ แต่จะได้เงินค่านายหน้าจากการขายสินค้าแต่ละชิ้น หรือได้เป็นเปอร์เซ็นต์จากการขายทะลุเป้าการขายที่ผู้บริหารตั้งไว้เป็นผลตอบแทน เฉลี่ยรายได้ต่อเดือนรวมค่านายหน้า แล้วจะได้รับเงินประมาณเดือนละ 50,000 - 100,000 บาท และได้รับสวัสดิการ โบนัส หรือผลประโยชน์อย่างอื่นตามผลประกอบการขององค์กร
ปัจจุบัน ค่าตอบแทนในการเป็นพนักงานขายตรง พนักงานขายตรงหลายชั้น ก็สามารถเป็นรายได้หลักและรายได้เสริมให้กับผู้มีงานประจำได้เช่นกันตามความสามารถ ความขยันและเวลาของผู้ขาย
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้มีเวลาทำงานไม่แน่นอน เนื่องจากรายได้ขึ้นอยู่กับผลงานที่ทำได้ ส่วนพนักงานขายที่อยู่ประจำที่จะมีกำหนดเวลาทำงานที่แน่นอน คือ วันละ 8 - 9 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40 - 48 ชั่วโมงได้รับค่าตอบแทนการทำงานเป็น รายเดือนในอัตราขั้นต่ำประมาณ 5,000 บาท มีค่าล่วงเวลาและค่าคอมมิชชั่นจากการขาย รายได้โดยรวมประมาณ 10,000 - 15,000 บาทต่อเดือน
สภาพการทำงาน
สภาพการทำงานอาจแบ่งตามประเภทของสินค้าที่ทำการขาย เช่น พนักงานขายสินค้า ผู้บริโภค หรือสินค้าอุตสาหกรรม ถ้าปฏิบัติงานขายอยู่ในอาคารประกอบกิจการ รับคำสั่งซื้อหรือประจำในห้างสรรพสินค้าเรียกพนักงานขายประเภทนี้ว่า Counter Personnel (CP.) ถ้าจะต้องไปติดต่อลูกค้านอกสถานที่ เรียกว่า Sales Executive นอกจากนี้หน้าที่ในความรับผิดชอบ อาจจะต้องส่งสินค้าให้กับผู้ซื้อพนักงานขายบางตำแหน่งอาจทำหน้าที่เยี่ยมเยียนลูกค้า ร้านค้า ในต่างจังหวัด เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อลูกค้า แนะนำผลิตภัณฑ์หรือสินค้าตัวใหม่หรืออาจตรวจตลาด และเก็บข้อมูลเพื่อทำรายงานบันทึกถึงผู้บังคับบัญชา หรือฝ่ายการตลาด
ถ้าเป็นผู้แทนขายระบบงานหรือระบบคอมพิวเตอร์ อาจจะต้องทำงานเป็นทีมในการเสนอขายและสาธิตให้กับคณะกรรมการผู้จัดซื้อขององค์กรหรือโรงงาน ในทีมงานอาจจะมีเจ้าหน้าที่เทคนิค วิศวกร เป็นผู้ให้รายละเอียดตอบข้อซักถาม ต่าง ๆ ของลูกค้า จากนั้นพนักงานขายซึ่งทำหน้าที่ติดต่อตั้งแต่เริ่มต้นจะเป็น
ผู้ประสานงาน และเจรจาปิดการขายทีมพนักงานขายอาจจะต้องเข้าร่วมประชุม สัมมนา เพื่อให้ความรู้ในการถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อของลูกค้า เพื่อให้ได้มาถึงคำสั่งในความต้องการรูปแบบของสินค้าและการบริการ
นอกจากนี้ ยังมีพนักงานขายที่ทำหน้าที่ขายตรงประเภทชั้นเดียวหรือหลายชั้น ซึ่งมักจะขายสินค้าผู้บริโภคและประเภทเครื่องสำอาง โดยอาศัยเครือข่ายลูกโซ่ของผู้ขายสมาชิกและผู้ซื้อสินค้าก็จะได้เป็นสมาชิกและส่วนลดการซื้อสินค้าตามเงื่อนไขของเจ้าของผู้บริหาร
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
- จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับประโยควิชาชีพ (ปวช.)
- มียานพาหนะส่วนตัว มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีความสามารถใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้จะได้รับการพิจารณาพิเศษ
- ต้องเป็นผู้มีศิลปะในการเจรจา เรียนรู้การใช้โอกาส และประโยชน์จาก "ศิลปะในการขาย "
- ให้ข้อมูลสินค้าที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ามากที่สุด ซื่อสัตย์ต่อ ผู้บริโภคหรือลูกค้า
- ต้องเป็นผู้มีทัศนคติดี เป็นผู้รับฟังที่ดี มีลักษณะเป็นผู้ให้ความอบอุ่น รู้จักกาลเทศะ
- รู้จักการจัดเก็บข้อมูล เพื่อปรับกลยุทธ์ทางการตลาด และการขาย
- ปรับปรุงข้อมูลให้ทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อนำมาใช้ในการวางแผน การขาย เนื่องจากการที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข่าวสารได้รวดเร็วแลค้นหา ข้อมูลด้วยตัวเองได้ ดังนั้นพนักงานจำเป็นต้องเรียนรู้และพร้อมที่จะพัฒนาเทคนิคการขายให้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา
- มีความขยัน อดทน
- มีความสามารถในการวิเคราะห์สถานการณ์และสามารถปรับแผนการขายทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อเจาะหาลูกค้ารายใหม่ ๆ
- มีความสามารถในการทำงานเป็นทีมมีวินัย มีความเป็นผู้ตาม และผู้นำที่ดี
ผู้ที่จะประกอบอาชีพนี้ ควรเตรียมความพร้อมดังต่อไปนี้ : สำเร็จการศึกษาระดับประโยควิชาชีพชั้นสูงด้านพาณิชยการและการขายจนถึงปริญญาตรีหรือปริญญาโทในสาขาที่เกี่ยวข้อง เช่น ถ้าขายสินค้าในอุตสาหกรรมอาหาร ยา เครื่องจักรคอมพิวเตอร์ เครื่องมือแพทย์ เคมีภัณฑ์ จะรับพนักงานขายหรือตัวแทนการขายที่สำเร็จการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวกับสินค้าชนิดนั้น เช่น วิทยาศาสตร์การอาหาร วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือวิทยาศาสตร์สาขาคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์การแพทย์ เภสัชกรรม เคมี วิศกรรมเคมี ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์ด้านการสื่อสารก็จะรับสาขา โทรคมนาคม วิศวกรรมไฟฟ้า หรือวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ถ้าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับ ไฟเบอร์ ออพติค และระบบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องก็จะรับ สาขาสื่อสาร อิเล็กทรอนิกส์
วิศวกรรมไฟฟ้า คอมพิวเตอร์หรือฟิสิกส์ ถ้าเกี่ยวกับสื่ออุปกรณ์การเรียน การสอนในสถาบันการศึกษาก็จะต้องสำเร็จการศึกษา สาขาครุศาสตร์ด้าน สื่อการสอน เป็นต้น
โอกาสในการมีงานทำ
แนวโน้มตลาดแรงงานได้เปิดกว้างสำหรับ ผู้สำเร็จการศึกษาในสาขาที่ตรงกับสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการขายและต้องการพนักงานขายหน้าใหม่ที่รักในอาชีพ มีสินค้าที่ต้องการพนักงานขายหรือผู้แทนการขายที่มีความรู้เฉพาะด้านมากขึ้น ซึ่งคุณวุฒิและประสบการณ์ในตลาดของพนักขายในปัจจุบันจึงแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง
เนื่องจากเดิมทัศนคติของผู้ที่เป็นพนักงานขาย คือ บุคคลที่ไม่สามารถทำงานอาชีพอื่นได้ จึงมาเป็นพนักงานขาย ปัจจุบันบางองค์กรกำหนดไว้ว่าพนักงานขายต้องสำเร็จการศึกษาสาขาการตลาดโดยเฉพาะหรือแพทย์ เภสัชกรรม และวิศวกรรม เป็นต้น เพราะองค์กรธุรกิจในยุคการค้าเสรีตระหนักดีว่าการรับพนักงานขายที่ไม่มี พื้นฐานความเข้าใจในสินค้านั้นๆ อาจจะไม่สามารถทำให้การขายบรรลุจุดประสงค์ และเป้าหมายของบริษัทที่วางไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่มีการแข่งขันอย่าง เข้มข้นจากคู่แข่งทางการค้าที่มีการขายผลิตภัณฑ์ประเภทเดียวกัน
ผู้ปฏิบัติงานอาชีพนี้นอกจากจะสามารถทำงานในองค์กร ห้างร้าน บริษัทต่างๆ แล้วยังสามารถนำประสบการณ์ไปประกอบอาชีพอิสระของตนเองได้
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
โดยทั่วไปพนักงานขายที่มีประสบการณ์ในการทำงานประมาณ 2 - 3 ปี ก็จะมีโอกาสก้าวหน้าไปทำงานในตำแหน่งอื่นที่สูงขึ้น เช่น ผู้ควบคุมการขาย หรือ Sales Supervisors, ผู้ควบคุมการขายส่ง จัดการฝ่ายขายส่ง ผู้ควบคุมการขายปลีก ผู้จัดการฝ่ายขายปลีกหรือเปลี่ยนสายอาชีพไปเป็นนักการตลาด ผู้จัดการประจำผลิตภัณฑ์ หรือนักวิจัยการตลาด จนถึงตำแหน่งผู้บริหารตามตำแหน่งในโครงสร้างขององค์กร
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
นักการตลาด นักวิเคราะห์การตลาด นักวิเคราะห์สินเชื่อ นักวางแผนธุรกิจ นักบริหารการขาย
ชื่ออาชีพ นักจัดรายการวิทยุ, ดีเจ D.J. (Disc Jockey)
นิยามอาชีพ
นักจัดรายการวิทยุเป็นผู้ทำหน้าที่ดำเนินการ รายการเผยแพร่ความรู้ ความบันเทิง หรือสารคดีแก่ผู้ฟังทางสถานีวิทยุกระจายเสียง
ลักษณะของงานที่ทำ
นักจัดรายการวิทยุ หรือ(ดีเจ ซึ่งย่อมาจาก Disc Jockey หมายถึงผู้จัดรายการเพลงประกอบความรู้เกี่ยวกับเพลงหรือเรื่องอื่นๆ ซึ่งอยู่ในความสนใจของผู้ฟัง ในสถานที่ฟังเพลง) ควรเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถตรงกับรายการที่จัดและ ตรงกับนโยบายของสถานีวิทยุกระจายเสียงและจัดรายการให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น กลุ่มผู้ทำงานทั่วไป นักเรียน นักศึกษา หรือกลุ่มพ่อบ้านแม่บ้าน เกษตรกร ผู้สูงวัย หรือ ชุมชนท้องถิ่น
นักจัดรายการวิทยุควรศึกษาค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับเพลงที่จะเปิดให้ผู้ฟัง ตลอดจนความรู้เรื่องอื่นๆ ที่จะนำมาใช้ประกอบการเปิดเพลง เพื่อให้ผู้ฟังได้รับทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งควรจะตรงกับกลุ่มผู้ฟังเช่น กลุ่มผู้ฟังเป็นเกษตร ก็ควรให้ความรู้ทางการเกษตร เพื่อให้กลุ่มผู้ฟังได้เป็นสมาชิกถาวรติดตาม รายการตลอดไป
รายการที่จัดอาจเป็นรายการที่มีกำหนดเวลาแน่นอนหรือเป็นรายการที่ให้บริการตลอดวัน เช่น รายการกรีนเวฟ หรือรายการอยู่เป็นเพื่อนคุยกับนักศึกษาที่ดูหนังสือดึกๆ หรือรายการโชว์ดึก โดยมีหัวข้อคุยเป็นประเด็นเรื่องราวตามกระแสเหตุการณ์บ้านเมืองและโลกแทรกไว้ในรายการ หรือรายการเพื่อสุขภาพ รายการเพื่อผู้บริโภค รายการเพื่อการศึกษา การทบทวนข้อสอบของนักเรียนเพื่อเตรียม สอบเอ็นทรานซ์ การตอบปัญหาสุขภาพจิตสำหรับผู้ฟังที่มีปัญหาคับข้องใจ
หรืออาจเป็นรายการสายด่วน เพื่อช่วยเหลือความเดือดร้อน โดยนักจัดรายการวิทยุจะเปิดเพลง สลับการให้ความรู้หรือการตอบปัญหา หรือสนทนากับสมาชิกที่เป็นผู้ฟังตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อมิให้เกิดความเบื่อหน่ายแก่บุคคลทั่วไป
นักจัดรายการหรือดีเจที่ได้รับความสนใจ ในปัจจุบัน มักจะเป็นดีเจที่จัดรายการให้กลุ่มนักเรียน และนักศึกษาวัยรุ่น โดยให้ความรู้ทั่วไป สลับกับการเปิดเพลงประกอบหรือรายการบันเทิงหรือเป็นรายการเพลงล้วน ๆ
สภาพการจ้างงาน
นักจัดรายการ วิทยุอาจเป็นพนักงานประจำองค์กร หรือเป็นนักจัดรายการวิทยุอิสระซึ่ง สามารถบริหารการจัดเวลาไปเป็นนักจัดรายการให้สถานีอื่นได้ด้วยเช่นกัน อัตราค่าจ้างขั้นต่ำโดยทั่วไปคิดเป็น รายชั่วโมง ตั้งแต่ชั่วโมงละ 200 บาทจนถึงชัวโมงละ 1,500 บาท อาจทำงานวันละ 3 ชั่วโมง หรือทำงาน ประมาณเดือนละ 20 วัน มีสวัสดิการ และประกันสุขภาพ
นักจัดรายการวิทยุอิสระจะต้องมีเงินทุนในการซื้อเวลาจากสถานีวิทยุกระจายเสียงตามอัตรา ที่กำหนด หรือตามแต่จะตกลงกัน ซึ่งรายได้ที่ได้รับอาจได้จากการติดต่อขอค่าโฆษณาจากบริษัทห้างร้าน เพื่อประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ สลับในรายการ หรืออาจจะได้รับการว่าจ้างจากบริษัทห้างร้านโดยตรงก็ได้ โดยการให้ค่าตอบแทนการทำงานตามแต่จะตกลงกัน โดยเฉลี่ยประมาณเดือนละ 12,000 บาท
สภาพการทำงาน
นักจัดรายการวิทยุจะทำงานตามกำหนดเวลา ที่ระบุไว้ในผังรายการของสถานีวิทยุหรืออาจจะทำงานเป็นช่วงเวลาเพื่อบริการกลุ่มเป้าหมาย
นักจัดรายการส่วนมากจะจัดรายการครั้งละประมาณ 1 - 3 ชั่วโมง หรือสลับกับนักจัดรายการ ผู้อื่นในรายการเดียวกัน ซึ่งอาจมีผู้ช่วยรายการอีก 1 - 2 คน ช่วยตอบคำถามหรือโต้ตอบกับสมาชิกเพื่อ ให้เกิดมุมมอง และอรรถรสที่แตกต่างไปจากรายการอื่น ๆ
นักจัดรายการวิทยุทำงานในสถานที่ที่มีบรรยากาศที่ดี พร้อมด้วยอุปกรณ์ในการทำงานที่จำเป็นในการประกอบอาชีพ เช่น เทปเพลง อุปกรณ์การเล่นเทป ไมโครโฟน หูฟัง เป็นต้น
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
ผู้ประกอบนักจัดรายการวิทยุ-ดีเจ-D-J-Disc-Jockeyควรมีคุณสมบัติดังนี้
- สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จนถึงปริญญาตรี สาขาวิชาวิทยุกระจายเสียงหรือสาขาวิชาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
- มีประกาศนียบัตรผู้ประกาศจากกรมประชาสัมพันธ์ ได้รับการฝึกอบรมจากสมาคมวิทยุ โทรทัศน์ แห่งประเทศไทย และผ่านการสอบได้รับประกาศนียบัตร ผู้ประกาศจากกรมประชาสัมพันธ์ โดยสมัครสอบด้วยตนเอง หรือผ่านสถาบันการศึกษาที่สังกัดอยู่
- มีความสามารถเขียนบทวิทยุด้วยตนเอง
- ต้องเป็นผู้ที่ออกเสียงควบกล้ำในภาษาไทยได้ชัดเจน มีน้ำเสียงน่าฟัง สุภาพ
- ต้องมีจรรยาบรรณทางวิชาชีพ และมีความเข้าใจเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นอย่างดี
สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า และเลือกศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาหลักสูตรปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์สาขาที่เกี่ยวข้อง ถ้าจบการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่ไม่ตรงตามวิชาชีพก็ควรสมัครสอบเพื่อได้รับประกาศนียบัตร ผู้ประกาศจากกรมประชาสัมพันธ์ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังต้องเป็นคนชอบพูดคุย ชอบค้นคว้าหาความรู้ทั่วไป และมีอารมณ์ดี เป็นผู้รับฟังที่ดี เมื่อมีผู้สอบถามเข้ามาทางโทรศัพท์ มีความคิดสร้างสรรค์ มีทัศนะคติที่ดี มีความสามารถตัดสินใจ แก้ปัญหา เฉพาะหน้าได้ เมื่อมีสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ในการออกอากาศ และเป็นผู้มีระเบียบวินัยในการเตรียม รายการล่วงหน้า
โอกาสในการมีงานทำ
ปัจจุบัน นโยบายขององค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยได้จัดให้มีวิทยุชุมชน ความต้องการ นักจัดรายการของสถานีวิทยุ จึงกระจายไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ทั้งภาค AM และ FM
นอกจากนี้บริษัทและองค์กรเอกชนที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสื่อโฆษณาทางวิทยุและโทรทัศน์ ธุรกิจการบันเทิง หรือมูลนิธิต่างๆเป็นผู้รับเช่าช่วงเวลาสถานีจากหน่วยงานราชการ สถานีวิทยุของมหาวิทยาลัย เพื่อนำมาจัดดำเนินการและเผยแพร่รายการ ใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์สินค้าของตนเอง ให้ครบวงจร
ทั้งนี้ผู้เช่าช่วงสถานีต้องจัดทำผังรายการภายใต้กรอบนโยบาย และวัตถุประสงค์ของเจ้าของสถานี เช่น บริษัทผลิตเทปเพลง บริษัทจัดฉายภาพยนตร์จากทั้งในและต่างประเทศ หรือการให้บริการสังคมอย่าง เช่น สถานีวิทยุรายการ จ.ส. 100 รายการร่วมด้วยช่วยกัน เป็นต้น ทำให้มีการจ้างงาน ในนักจัดรายการวิทยุ-ดีเจ-D-J-Disc-Jockeyเพิ่มขึ้น
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
นักจัดรายการวิทยุหรือดีเจในบางรายการเป็นทั้งผู้จัดรายการ และเป็นผู้หาโฆษณาสินค้า เพื่อสนับสนุนรายการของตนเอง อาจพัฒนาทักษะและความรู้ความสามารถเป็นผู้เขียนบทวิทยุหรือโทรทัศน์เป็นนักเขียน เพราะจากการจัดรายการจะมีข้อมูลที่สะสมไว้ใช้ในการทำงานอาชีพที่เกี่ยวข้องได้เป็นจำนวนมากตำแหน่งอาจไม่มีการเลื่อนขึ้นแต่มีรายได้มากขึ้นและมีชื่อเสียงมากขึ้น
นักจัดรายการวิทยุ-ดีเจ-D-J-Disc-Jockeyจัดว่าเป็นผู้ที่มีอิทธิพลทางด้านความคิดต่อผู้ฟังมาก ดังนั้นจึงสามารถที่จะโน้มน้าวประชาชน ให้เกิดความสนใจ และสั่งซื้อผลิตภัณฑ์นั้น ดังนั้น จึงอาจมีรายการวิทยุเป็นของตนเอง หรือสามารถเป็น ผู้ผลิตรายการวิทยุ รายการต่างๆ เพื่อป้อนให้กับ ผู้เช่าช่วงสถานี
ปัจจุบัน เจ้าของสินค้าเห็นความสำคัญถึงสื่อโฆษณาทางวิทยุ เนื่องจากวิทยุเป็นสื่อที่สามารถ พกพาไปได้ทุกแห่งหน และเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย การโฆษณาสินค้าโดยผ่านรายการทางสถานีวิทยุ จึงสามารถเพิ่มยอดขายได้ ดังนั้น อาชีพนักจัดรายการจึงเป็นที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่สนใจจะใช้เป็นงานประจำ หรือเป็นอาชีพเสริม
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
นักจัดรายการวิทยุอาจเปลี่ยนอาชีพเป็น นักจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย พิธีกรโทรทัศน์ และพิธีกรเวทีการแสดง นักพากย์บทภาพยนตร์ นักพากย์ อัดเสียงการโฆษณาสินค้าทางวิทยุหรือโทรทัศน์ นักเขียน นักจัดรายการเวทีเพลง หรือพิธีกรทางเคเบิ้ลทีวี นักแสดงภาพยนตร์และโทรทัศน์ มีนักจัดรายการหลายคนที่มีอาชีพประจำอย่างอื่น เช่น นักวิชาการ - อาจารย์มหาวิทยาลัย นักข่าว ผลิตสารคดีทั้งทางสถานีวิทยุ และโทรทัศน์ ฯลฯ
แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
กรมประชาสัมพันธ์
รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอนในคณะที่คุณเลือกมีดังต่อไปนี้ | ||||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัย | คณะหรือประเภทวิชาที่เปิดสอน | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ | คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิชาเอกเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี | คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาวิชาเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง (รูปแบบที่ 1) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี | คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน สาขาวิชาเทคโนโลยีการโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียง | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา | คณะวิทยาการจัดการ สาขานิเทศศาสตร์ วิชาเอกวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา | คณะวิทยาการจัดการ สาขาวิชานิเทศศาสตร์ (วิทยุกระจายเสียง) | |||||||||||||||||||||
ชื่ออาชีพ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer
นิยามอาชีพ
ผู้ปฏิบัติงานนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer ทำหน้าที่ออกแบบสร้างสรรค์รูปทรงบรรจุภัณฑ์ ภาชนะหีบห่อสำหรับสินค้า โดยคำนึงถึงความสวยงาม วัสดุที่นำมาใช้ ตลอดจนขั้นตอนการผลิต ให้ถูกต้องตามวัสดุโครงสร้างการผลิตและประโยชน์ในการใช้สอย และสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค
ลักษณะของงานที่ทำ
ผู้ปฏิบัติงานนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer จะต้องทำการศึกษาการออกแบบและวิวัฒนาการของภาชนะ หีบห่อ หรือบรรจุภัณฑ์ วิเคราะห์ศึกษาลักษณะวัสดุต่างๆที่นำมาใช้ผลิต นำเทคโนโลยีในการผลิตกับ การออกแบบมาผสมผสานกันในการออกแบบที่ต้องสอดคล้องกับกระบวนการผลิตทางอุตสาหกรรม นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้
- สินค้าที่จะบรรจุในภาชนะ
- แนวโน้มทางการตลาด และคู่แข่งขันของสินค้า
- กลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค ตลอดจนความสัมพันธ์ สิ่งแวดล้อมวัฒนธรรมและพฤติกรรมของมนุษย์
- วัสดุและคุณภาพของวัสดุที่จะนำมาใช้ แหล่งวัตถุดิบ ราคาวัตถุดิบ จากนั้นนำข้อมูล มาวิเคราะห์ แล้วจึงนำไปออกแบบ ประมาณราคาต้นทุนในการผลิตและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทำแบบจำลอง และทดลองผลิตต้นแบบเพื่อให้ผู้ว่าจ้างพิจารณาแก้ไข นำผลิตภัณฑ์ต้นแบบมาแก้ไขตรวจสอบความถูกต้องตามเงื่อนไขที่ตกลงกับ ผู้ว่าจ้าง นอกจากนั้น ยังต้องตรวจสอบความปลอดภัย ความแข็งแรง และความทนทานอีกด้วย ควบคุมดูแลงานรายละเอียด ในขั้นตอนการผลิตจนชิ้นงาน ส่งถึงมือลูกค้า
สภาพการจ้างงาน
สำหรับนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ ที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจะได้รับอัตราค่าจ้างเป็น เงินเดือนขั้นต้นประมาณ 10,000-15,000 บาทซึ่งขึ้นอยู่กับผลงานการออกแบบ และผลงานการฝึกงาน ที่นำเสนอ อาจได้ค่าตอบแทนจูงใจเมื่อทำงานเสร็จแต่ละโครงงานโดยได้รับเป็น 2 - 3 เท่าของ เงินเดือน ส่วนโบนัส ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของสถานประกอบกิจการ และได้รับผลประโยชน์อย่างอื่นตามกฎหมายแรงงาน
ผู้ประกอบนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer ในสถานประกอบกิจการดังกล่าว จะมีกรอบกำหนดในการทำงานรวมทั้งชั่วโมง การทำงาน คือวันละ 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40 - 48 ชั่วโมง และอาจต้องทำงานล่วงเวลา ทำงานใน วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันหยุด
แต่ถ้าเปลี่ยนไปประกอบอาชีพส่วนตัวโดยเปิดสำนักงานหรือใช้บ้านเป็น ที่ทำงาน รับจ้างทำงานให้สถานประกอบกิจการเดิม หรือผู้ว่าจ้างอื่นๆ เป็นโครงงานไป ค่าตอบแทนจะคิดเป็นงานเหมา หรืออาจได้รับเงินค่าตอบแทนมากกว่าเดิม กำหนดเวลาทำงานก็จะไม่แน่นอน
สภาพการทำงาน
บรรยากาศในการทำงานสำหรับผู้ประกอบนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer จะเหมือนกับฝ่ายศิลปกรรมอื่นๆ ที่มีพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นสัดส่วนมีอุปกรณ์เครื่องมือในการออกแบบครบถ้วน
ถ้าประกอบธุรกิจที่บ้านจะมีลักษณะเป็นสตูดิโอ การทำงานที่มีอุปกรณ์ครบถ้วนเช่นกัน เมื่อปฎิบัติงานตามที่มีผู้ว่าจ้างแล้วเสร็จ ผู้ประกอบนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer อาจจะออกแบบผลงานของตนเองอันไม่จำกัดความคิด และรูปแบบ อาจเป็นทั้งบรรจุภัณฑ์อเนกประสงค์ หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อนำไปจำหน่ายเชิงพาณิชย์ ด้วยตนเอง
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
ผู้ปฏิบัติงานนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer ควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรม, ศิลปกรรม และสาขาพาณิชย์ศิลป์ ออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือนิเทศศิลป์ หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง
- มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีไหวพริบและความสนใจความเคลื่อนไหวของธุรกิจและการตลาด เท่าๆ กับนักการตลาด
- มีความรู้ในเรื่องวัสดุและวัตถุดิบต่างๆ ที่ใช้ออกแบบผลิตภัณฑ์
- มีความรับผิดชอบ มีระเบียบวินัยสูง มีความอดทน
- มีความสามารถในการประมาณราคาวัสดุ แบบหีบห่อ ภาชนะ และบรรจุภัณฑ์ได้
- มีความสามารถในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีในการผลิตเข้ามาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ และในการผลิต
- สามารถทำงานเป็นทีมได้ และมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
- ใจกว้างสามารถรับฟังคำแนะนำ และติชมได้
โอกาสในการมีงานทำ
ปัจจุบัน นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer มีการจ้างแรงงานอยู่ในระดับปานกลาง ถึงมาก ส่วนมากบริษัทผู้ว่าจ้าง นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ คือ บริษัทตัวแทนรับจ้างรับจัดโฆษณาประชาสัมพันธ์ บริษัทออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือบริษัทที่ผู้ผลิตสินค้าเป็นจำนวนหลายประเภทและยี่ห้อ
นอกเหนือจากผู้ปฏิบัตินักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer จะมีทางเลือกในการทำงานแบบอุตสาหกรรมแล้ว ปัจจุบันชุมชน ทั่วประเทศต่างหันมาทำการค้ากันระหว่างชุมชนทั่วประเทศโดยมีการส่งเสริมจากภาครัฐในการให้ ความช่วยเหลือให้ผลิตผลิตภัณฑ์สินค้าพื้นบ้านเพื่อการพาณิชย์และการส่งออก
ดังนั้นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ เหล่านั้นต่างต้องการภาชนะ และหีบห่อที่ร่วมสมัย และทันสมัยเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของสินค้า และดึงดูด เรียกร้องความสนใจจากผู้ซี้อหาหรือผู้บริโภค เป็นโอกาสอีกช่องทางหนึ่ง ที่ผู้ออกแบบบรรจุภัณฑ์สามารถเลือกประกอบอาชีพนอกเหนือจากการทำงานในสถานประกอบกิจการ และประกอบอาชีพอิสระในการผลิตสินค้าที่ระลึกและของขวัญ และส่วนมากผู้ประกอบนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ Packaging Designer สามารถสร้างสรรค์งานได้หลากหลายโดยไม่ยึดติดกับรูปแบบของงาน
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
ผู้ที่ปฏิบัติงานอาชีพ นี้ในสถานประกอบกิจการผลิต อาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปจนถึงตำแหน่งสูงสุดตามโครงสร้างขององค์กร เช่นผู้จัดการฝ่ายออกแบบบรรจุภัณฑ์
ถ้าประกอบอาชีพอิสระ อาจทำหน้าที่เป็นผู้ขายผลิตภัณฑ์ที่สร้างสรรค์ขึ้นเองหรือของผู้อื่นด้วย
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
นักออกแบบผลิตภัณฑ์ นักอออกแบบตรา และงานศิลป์บนบรรจุภัณฑ์ที่สำเร็จรูปแล้ว ศิลปินที่ทำงานด้านศิลป เปิดบริษัทโพรดัคชั่นเฮาส์ ที่รับออกแบบงานทุกประเภท ผู้ประสานงานการผลิต ผู้ส่งออกสินค้า
รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน | ||||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัย | คณะหรือประเภทวิชาที่เปิดสอน | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | คณะอุตสาหกรรมเกษตร (สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร เทคโนโลยีการบรรจุเทคโนโลยีชีวภาพ พัฒนาผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเกษตร) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิชาเทคโนโลยีการบรรจุ | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยนเรศวร | คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ (ศป.บ.) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยพะเยา | คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ หลักสูตรศิลปกรรมศาสตรบัณฑิตสาขาวิชาการออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ (ศป.บ.) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง | สํานักวิชาอุตสาหกรรมเกษตร สาขาวิชาเทคโนโลยีการจัดการผลิตผลเกษตรและการบรรจุ | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร | คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ สาขาวิชาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ | คณะเทคโนโลยีการเกษตรและเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาวิชาการออกแบบ (ออกแบบบรรจุภัณฑ์) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา | คณะเทคโนโลยีอุตสาหกรรม สาขาวิชาออกแบบสิ่งพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ | |||||||||||||||||||||
ชื่ออาชีพ นักจิตวิทยา Psychologist
นิยามอาชีพ
ผู้ที่ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา Psychologist เป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ เพื่อให้เข้าใจแนวจิตความปรารถนา แรงจูงใจ อารมณ์ของมนุษย์ที่ส่งผลต่อการแสดงออก โดยอาศัยวิชาการทางวิทยาศาสตร์ เข้าช่วยในการศึกษา รวบรวมนำข้อมูลทางจิตวิทยามาตีความ และนำผลของการศึกษาวิจัยมาใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์ เพื่อป้องกัน และบำบัดผู้ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ และพฤติกรรมให้กลับมาเข้าใจ ในชีวิตที่ถูกต้อง
ลักษณะของงานที่ทำ
- ตรวจวินิจฉัยทางจิตวิทยา โดยการใช้เครื่องมือทดสอบจิตวิทยาที่เป็นมาตรฐาน ร่วมกับ การสังเกตพฤติกรรม และการสัมภาษณ์ วิเคราะห์ และแปลผลการทดสอบ
- บำบัดรักษาทางจิตวิทยา เป็นวิธีการบำบัดรักษาที่ไม่ต้องใช้ยา ซึ่งแตกต่างจากจิตแพทย์ อาจบำบัดรักษา โดยการใช้ยาได้
- ศึกษา ค้นคว้า วิจัยทางจิตวิทยาใน และป้องกันโรคเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ความรู้ทางจิตวิทยา ในรูปแบบการสอน การฝึกอบรม เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนมีแรงจูงใจ และสนใจจะเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับจิตวิทยา เพื่อพัฒนาตนเองให้มีสุขภาพจิตดีขึ้น หรือพ้นจากภาวะเสี่ยงต่อการเกิดปัญหา สุขภาพจิต
ปัจจุบัน นักจิตวิทยาแบ่งตามประเภทของสาขาการศึกษาดังนี้
- สาขาจิตวิทยาการศึกษา (Educational Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนำหลักการทาง จิตวิทยามาใช้ในการสำรวจปัญหาทางการศึกษา ตลอดจนสร้างหลักการ ทางจิตวิทยาที่มีระบบระเบียบวิธีการของตนเอง ถือเป็นศาสตร์หนึ่งทางด้านพฤติกรรมศาสตร์
- สาขาจิตวิทยาพัฒนาการ (Developmental Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษา ความสามารถทางพฤติกรรมของมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างเป็นลำดับขั้นตอนว่า มีกระบวนการพัฒนา แต่ละวัยอย่างไร รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ระหว่างหน้าที่ต่างๆ ของการพัฒนาโดยเฉพาะทางจิตใจ
- สาขาจิตวิทยาสังคม (Social Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์ในสังคมอย่างเป็นระบบ เนื้อหาวิชารวมการปฏิสัมพันธ์ทั้งหมด เช่น ศึกษาการรับรู้การตอบสนอง ระหว่างบุคคล อิทธิพลของบุคคลที่มีต่อผู้อื่น ฯลฯ
- สาขาจิตวิทยาการปรึกษา (Counseling Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการช่วยให้คนรู้จัก และเข้าใจตนเองอย่างลึกซึ้งทุกด้าน ช่วยให้คนรู้จักโลกและสิ่งแวดล้อมของตนช่วยให้คนรู้จักการพัฒนา และสามารถนำศักยภาพหรือความสามารถที่ตนมีอยู่มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่น รู้จักเลือก และตัดสินใจอย่างฉลาดเพื่อแก้ปัญหาและปรับตัวอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข
- สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรม (Industrial Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการนำความรู้ทาง จิตวิทยามาใช้ในการดำเนินการคัดเลือกบุคคล พัฒนาการบริหาร การจูงใจลูกจ้าง วิจัยตลาด วิจัยด้านมนุษยสัมพันธ์ เพื่อตอบสนองธุรกิจและอุตสาหกรรม
- สาขาจิตวิทยาคลีนิค (Clinical Psychology) ทำหน้าที่เกี่ยวกับการศึกษาเกี่ยวกับปัญหาการปรับตัวของมนุษย์โดยพยายามค้นหาสาเหตุว่าคนที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น หรือมีความผิดปกติทางจิตใจนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรนักจิตวิทยาคลีนิคใช้หลักการและความรู้ทางจิตวิทยามาวิเคราะห์ และบำบัดรักษาผู้ที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์และพฤติกรรม เช่น ปัญหาทางสุขภาพจิตโรคประสาท การติดยาเสพติด ความผิดปกติทางเชาวน์ปัญญา ปัญหาความขัดแย้งในครอบครัว ตลอดจนปัญหาการปรับตัวอื่นๆ เพื่อค้นหาวิธีการปรับตัวและการแสดงออกที่ดีและเหมาะสมกว่า
สภาพการจ้างงาน
ผู้ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา Psychologist ส่วนใหญ่รับราชการในโรงพยาบาล หรือโรงพยาบาลจิตเวช โดยจะได้รับ ค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนตามวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ในอัตรา 15,000 บาท
สำหรับภาคเอกชน หรือองค์การระหว่างประเทศ อาจจะได้รับเงินเดือนประมาณ 15,000-18,000 บาท หรืออาจจะถึง 20,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์กร และสถานที่ทำงานในแต่ละพื้นที่
ปฏิบัติงานวันละ 8 ชั่วโมง หรือสัปดาห์ละ 40-48 ชั่วโมง มีการปฏิบัติงานพิเศษนอกเหนือเวลาราชการในกรณีมีโครงการหรือกิจกรรมเฉพาะอย่าง
ผู้ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา Psychologist จะได้รับผลประโยชน์อย่างอื่นนอกเหนือจากเงินเดือนตามระเบียบของ ทางราชการ หรือของภาคเอกชน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายและแนวทางปฏิบัติของแต่ละสถานประกอบการ
สภาพการทำงาน
ผู้ปฏิบัติงานนักจิตวิทยา Psychologist โดยทั่วไปปฏิบัติงานในห้องทำการรักษาเหมือนกับแพทย์ทั่วไป และมีการออกไปเยี่ยมคนไข้หรือชุมชน การปฏิบัติหน้าที่อาจมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกทำร้ายจากคนไข้ ซึ่งมีอารมณ์ไม่ปกติได้ง่าย ดังนั้น ห้องทำงานจึงควรจัดให้มีความปลอดภัย และมีผู้ช่วยดูแลในเรื่องความปลอดภัยของนักจิตวิทยาด้วย
นักจิตวิทยาจะต้องปฏิบัติงานร่วมกับทีมจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์จิตเวช และพยาบาลจิตเวช
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ
- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะต่างๆในประเภทสาขาจิตวิทยา
- มีความเมตตา โอบอ้อมอารี มีใจรักในอาชีพการบำบัดและรักษา และชอบบริการช่วยเหลือผู้อื่น และผู้ป่วย
- มีคุณธรรม จริยธรรม มีความอดทนสูงและใจเย็น
- ควรมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีความร่าเริง อาจจะต้องมีการสอบขึ้นทะเบียน และรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบโรคศิลป(เฉพาะจิตวิทยาคลินิก)
ต้องสำเร็จการศึกษาหลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย แผนการเรียนวิทยาศาสตร์หรือเทียบเท่า หรือสายศิลป์ เพื่อสอบคัดเลือก เข้าศึกษาต่อ ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในคณะสังคมศาสตร์และคณะมนุษยศาสตร์ เป็นต้น
โอกาสในการมีงานทำ
เนื่องจากในประเทศไทยเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และมีผลกระทบต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ สังคมเกิดสภาพบีบคั้นทางด้านการมีงานทำ คือการลดลงของรายได้ การเลิกจ้างงาน จนถึงส่งผลกระทบไปถึงสมาชิก ในครอบครัว ทำให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เกิดความเครียด มีปัญหาทางด้านจิตใจ ไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้
ประชาชนจำนวนหนึ่งจึงหันไปพึ่งยาเสพติดประเภทกล่อมประสาทที่มีการซื้อขายกัน อย่างสะดวกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยคิดว่าจะช่วยผ่อนคลายความเครียด และหนีปัญหาได้ แต่เมื่อติดยาเสพติดแล้ว บางรายอาจทำร้ายบุคคลในครอบครัว อีกทั้งสถิติการฆ่าตัวตาย ในประเทศไทย มีอัตราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลได้ตระหนักถึงเหตุการณ์นี้ และได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ รักษาดูแล ป้องกันและบำบัดรักษา คือ นักจิตวิทยา นักจิตแพทย์ เพื่อช่วยเหลือบริการบุคคลที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองทางด้านจิตใจขึ้นที่โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลจิตเวชทั่วประเทศ
รวมทั้งการติดตั้งโทรศัพท์สายด่วนสุขภาพจิต ตลอดจนจัดตั้งเว็บไซต์ เพื่อบริการให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ ในการดำเนินชีวิต ให้คำปรึกษาแนะนำ และให้แนวทาง แก้ปัญหาสุขภาพจิตที่ถูกต้อง
ดังนั้น อาชีพนักจิตวิทยาจึงเป็นที่ต้องการของสังคมอย่างมากในยุคปัจจุบัน
นอกจากนี้ โรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และสถานศึกษาทุกแห่ง รวมทั้งในองค์กรพัฒนาเอกชนที่ไม่หวังผลกำไร อย่างเช่น มูลนิธิต่างๆ ที่ดูแลเด็กที่ด้อยโอกาส หรือหญิงที่ถูกทำร้าย
ตลอดจน คลีนิกรักษาผู้เสพยาเสพติด ก็ต้องการนักจิตวิทยาเช่นกัน แต่ขณะนี้ยังมีการจ้างงานจำนวนน้อย
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
สำหรับผู้ประกอบนักจิตวิทยา Psychologist ในโรงพยาบาลของรัฐบาล จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามสายงาน จนถึงระดับสูงสุด ที่ระดับ 8 สำหรับในภาคเอกชนจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงสุดตามโครงสร้างขององค์กร
อาชีพที่เกี่ยวเนื่อง
ครู - อาจารย์ เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในมูลนิธิต่างๆ องค์การระหว่างประเทศที่ช่วยเหลือผู้ลี้ภัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลในองค์กรธุรกิจเอกชน เจ้าหน้าที่องค์กรและพัฒนาเอกชน ทั่วประเทศ
แหล่งข้อมูลอื่น ๆ
กรมสุขภาพจิต
กระทรวงสาธารณสุข
สมาคมนักจิตวิทยาคลีนิค
ศูนย์สุขวิทยาจิต
Child Mental Health Center
รายชื่อมหาวิทยาลัยที่เปิดสอน | ||||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัย | คณะหรือประเภทวิชาที่เปิดสอน | |||||||||||||||||||||
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย | คณะจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา (สาขาจิตวิทยาอุตสาหกรรม) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา (สาขาจิตวิทยาคลินิก) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา (สาขาจิตวิทยาพัฒนาการ) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | คณะสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา (สาขาจิตวิทยาชุมชน) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ | คณะมนุษยศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยทักษิณ | คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาการศึกษา จิตวิทยาและการแนะแนว | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ | คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยนเรศวร | คณะสังคมศาสตร์ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยบูรพา | คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยบูรพา | คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา (ภาคพิเศษ) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม | คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา (วท.บ.) | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ | คณะมนุษยศาสตร์ หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต (วท.บ. 4 ปี) สาขาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ | คณะศึกษาศาสตร์ หลักสูตรการศึกษาบัณฑิต (กศ.บ. 5 ปี) สาขาวิชาจิตวิทยาการแนะแนว | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยศิลปากร | คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ | คณะศึกษาศาสตร์ ปัตตานี (หลักสูตร 4 ปี) วิชาเอกจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม | คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา | คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ | คณะครุศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ | คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา | |||||||||||||||||||||
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต | คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ | |||||||||||||||||||||
ศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ —
ศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ ร่วมกับ สำนักงานจัดหางานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรมวันนัดพบแรงงานย่อย ครั้งที่ 2/2555 วันที่ 22 ก.พ.55 บริเวณ Seaside Court ชั้น G ด้านหน้าศูนย์การค้าฯ ตั้งแต่เวลา 09.00 -15.00 น.
โดยมีสถาน ประกอบการเข้าร่วมในงานวันนัดพบแรงงานในครั้งนี้จำนวนมากกว่า 50 แห่ง ทั้งในเขตจังหวัดประจวบฯ และพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม รีสอร์ท, บริษัท, หน่วยงานรัฐบาล และรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น
ขอเชิญทุกท่าน ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานดังกล่าวได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ณ ศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ บริเวณ Seaside Court ชั้น G ด้านหน้าศูนย์การค้า ฯ
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
สำนักงานจัดหางานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โทร 032-602-270-1 ต่อ 18-19
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
แผนกประชาสัมพันธ์ ศูนย์การค้าหัวหิน มาร์เก็ตวิลเลจ
โทรศัพท์ 032-618888 โทรสาร 032-618800-2
www : marketvillagehuahin.co.th
www : facebook .com / huahinmarketvillage